บล็อกเกอร์ นี้จัดทำขึ้นเพื่อ ศึกษาเกี่ยวกับการทำการตลาดบน Facebook เพื่อให้ศึกษาวิธีการทำและเทคนิคต่างๆ สำหรับผู้คนที่สนใจ เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาอินเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (0012006) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

QR code การตลาดใหม่สำหรับธุรกิจยุคออนไลน์










อาจจะเคยผ่านตากันมาบ้างแล้ว แต่ถ้าอยากรู้ว่าจะนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้อย่างไร ต้องลองมาอ่านกัน










QR  code  คืออะไร
QR code (Quick Response) คือ โค้ด 2 มิติ ที่มือถือรุ่นใหม่ๆสามารถใช้กล้องสแกนอ่าน และดึงไม่ว่าจะเป็นภาพ, ข้อความ, วิดีโอ หรือ ลิงก์ ออกมาจากโค้ดได้ ถือเป็นอีกทางหนึ่งในการดึงคนจากออฟไลน์ไปออนไลน์

เอาไปใช้ทำอะไร
ในญี่ปุ่น เจ้า QR code เนี่ย มีมานานแล้ว และก็ได้รับความนิยมมาก มีคนใช้กันเป็นเรื่องปกติ สินค้าตัวไหนๆก็จะแปะโค้ดเข้าไป แทนที่จะต้องมานั่งจดชื่อผลิตภัณฑ์ ก็แค่สแกน QR code แทน สะดวกสบาย แถมยังใช้ลิงก์ไปที่ออนไลน์ช้อปได้เลยอีกด้วย นอกจากนี้บาง billboard ใจกลางเมือง ก็ยังเล่นกับโค้ด โดยการเอา QR code ไปแปะแทนการโฆษณาเป็นรูปภาพหรือตัวอักษร ใครอยากรู้ว่าเป็นอะไร ก็แค่เอาโทรศัพท์มือถือไปสแกน มือถือก็จะอ่านโค้ดที่ว่าและแสดงผลให้รู้ว่ามันคือโฆษณาอะไรกันแน่ เป็นการทำการตลาดที่เก๋ไปอีกแบบ

นอกจากที่ว่าแล้ว  QR code  ทำอะไรได้อีก

ใส่ไว้ในนามบัตร
แทนที่คนจะต้องเก็บนามบัตร จนกระเป๋าสตางค์หนาปึ้กแล้ว วิธีนี้ทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อกันนั้นแสนง่ายขึ้นไปอีก เพราะแค่ทำ QR code ที่มีข้อมูลของคุณ เช่น ชื่อ เบอร์ติดต่อ อีเมล์ เว็บไซต์ แล้วแลกกันสแกน เท่านี้ข้อมูลจำเป็นๆ ก็จะถูกเก็บเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือ และสมาร์ทโฟนทั้งหลาย ก็สามารถจัดเก็บข้อมูลนั้น ไว้ใน contact ของคนนั้นๆได้เลย เมื่อไหร่ที่ต้องการเรียกใช้ ก็แค่กดดู ข้อมูลทั้งหมดก็จะปรากฏออกมาทันที ไม่ต้องกลัวว่าจะหาย หรือต้องเสียเวลาไปรื้อหาเอาในซองเก็บนามบัตรให้วุ่นวายอีกต่อไป
แปะไว้ในสื่อโฆษณา
จะทำการตลาดแบบไหนก็สามารถนำ QR code ไปแปะไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นพับ ใบปลิว โปสเตอร์ ไปจนถึง billboard ยักษ์ แค่เพิ่มแคมเปญใหม่ๆ เช่น ให้นำโค้ดมาสแกนเพื่อลิงก์ไปยังหน้าเว็บที่มีการแจกของรางวัล, ลิงก์ไปยังวิดีโอโฆษณาตัวใหม่ใน Youtube หรืออาจจะนำไปผูกกับ Facebook, Twitter ก็ยังได้ ซึ่งจริงๆแล้วไอเดียนั้นมีมากมาย แค่ให้ฝ่ายการตลาดช่วยกันระดมความคิด ไม่แน่ว่าแคมเปญของคุณอาจจะดังไปทั่วโลกออนไลน์เลยก็ได้


















Photo By akaalias with Creative Common 2.0


ปรินท์โชว์หน้าร้าน
บอกแล้วว่าเอาไปทำอะไรก็ได้จริงๆ ลองนึกเล่นๆดูว่าผู้ใช้ location-based service จะสนุกขึ้นแค่ไหนถ้าหน้าร้านกาแฟของคุณมี QR code ให้เค้าได้สแกนเพื่อรับสิทธิพิเศษเพิ่ม แทนที่จะแค่ check-in เฉยๆ เรื่องพวกนี้ไม่ควรมองข้าม เพราะกระแสการเล่น Foursquare หรือ Gowalla นั้น มาแรงจริงๆ คุณในฐานะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ก็อย่ามัวแต่มองแล้วปล่อยผ่าน อย่าลืมว่าโอกาสทางการตลาดยุคใหม่นี้ ใครเร็วกว่าก็ได้เปรียบกว่าเห็นๆ

สร้างกระแสอื่นๆ
ใครๆก็ชอบของลดราคาหรือของฟรีกันทั้งนั้น ถ้าอยากให้ QR code ของคุณเป็นที่สนใจ ก็ลองเล่นแคมเปญเหมือนช็อคโกแลตของ Willy Wonka ดู เปลี่ยนจากตั๋วทองในช็อคโกแลต เป็น QR code ที่ซ่อนอยู่ในสินค้า หรือ ในเว็บไซต์ ให้คนได้ลุ้นว่าเมื่อสแกนแล้วจะได้อะไร เช่น ลดราคา 25% หรือ รับเครื่องดื่มฟรีเมื่อสั่งเซ็ทอาหารกลางวัน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม  อย่าลืมว่า
คนส่วนใหญ่ ยังไม่รู้ว่า QR code คืออะไร หรือใช้งานยังไง รวมถึงอาจจะไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือที่สามารถสแกนโค้ดได้ เพราะฉะนั้นตอนทำการตลาดก็ลองเลือกทำในวงแคบๆก่อน เช่น ในกลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ต อย่าง Facebook หรือ Twitter และก็อย่าลืมที่จะสอนวิธีใช้ รวมถึงทำคำอธิบายเพื่อประกอบการใช้งาน เช่น application ที่ต้องไปโหลด เพื่อใช้สแกนโค้ด

ทำ  QR code  ได้ที่ไหน
Kaywa - อันนี้ใช้งานง่าย สามารถเลือกได้ว่าอยากใส่ข้อมูลประเภทไหน เช่น เบอร์โทรศัพท์ เว็บไซต์ ข้อความต่างๆ
iCandy - ตัวนี้ได้รับการแนะนำจาก Mashable และนอกจากทำโค้ดแล้ว ยังมีข้อมูล เช่น โค้ดตัวไหนถูกสแกน หรือ ดูข้อมูลเชิงวิเคราะห์ของโค้ดแต่ละตัวได้้ด้วย
QR stuff - ของที่นี่จะมีให้สั่งทำเสื้อที่มี QR code ของคุณได้ด้วย
เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดทั้งหลาย ก็อย่าลืมไปลองเล่น QR code ดู เผื่อจะได้ไอเดียอะไรแปลกใหม่ในการทำ online marketing เพื่อสร้างกระแสให้สินค้าหรือบริการ ได้ผลอย่างไรก็อย่าลืมมาเล่าให้เราฟังบ้าง 
แล้วก็อย่าลืมลองสแกน QR code ของเราดู




















10 ข้อดี Facebook Fan Page ต่อธุรกิจ











แม้ว่าสมาชิกที่มาเข้่าเป็นแฟนจะไม่ได้คิดซื้อของๆคุณ แต่การมีcommunity ก็ยังมีผลประโยชน์ให้กับคุณอยู่ดี


















Facebook นั้นเป็น Social Network ให้คนมาปฎิสัมพันธ์กัน ไม่ใช่สังคมของการช้อปปิ้ง แล้วทำไมบริษัทของคุณจะต้องเสียเวลาและทรัพยากรบุคคลมาคอยดูแล Fan Page นี้ด้วยล่ะ (Fan Page คือ หน้าโปรไฟล์ของบริษัท) ถึงแม้ว่าสมาชิกที่มาเป็นแฟนบริษัทหรือธุรกิจของคุณจะไม่ได้มีความสนใจจะซื้อสินค้าหรือบริการ อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาได้รับก็คือความรู้สึกเชื่อมโยงกับบริษัทในทางใดทางหนึ่ง อย่างน้อยก็เพราะพวกเขายอมรับว่าเป็น ‘แฟน’ ของคุณแล้วยังไงล่ะ

10  ข้อดี  Facebook  Fan  Page  ต่อธุรกิจ

1.  ถือเป็นอีกช่องทางที่คุณสามารถโปรโมตธุกิจของคุณบนเว็บไซต์
การมี Fan Page นั้นช่วยในการแบรนดิ้งธุรกิจของคุณไปในตัว ซึ่งคุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอาจจะมีคนอีกมากมายขนาดไหนที่อาจจะกลายมาเป็นลูกค้าของคุณในอนาคต หรืออาจจะเป็นคนที่อยากร่วมงานกับคุณ นักลงทุน ไปจนถึงสื่อที่สนใจในธุรกิจของคุณ และไม่ต้องกลัวว่ามันจะยุ่งยากหรือดุได้เฉพาะคนที่มี Facebook เพราะ Fan Page นั้นเปิดให้ทุกๆคนสามารถเข้ามาอ่านหรือดูโปรไฟล์ธุรกิจของคุณได้โดยที่ไม่ต้องเป็นสมาชิก ซึ่งทำให้คนจำนวนมากที่ใช้อินเตอร์เน็ตสามารถเข้ามาถึงข้อมูลของสินค้าหรือบริการที่คุณต้องการโปรโมตได้

2.  ได้ยอดคนเข้าเว็บไซต์มากขึ้น
เพราะ Facebook ให้คุณสามารถใส่ลิงก์เว็บไซต์บริษัทหรือธุรกิจของคุณได้ คราวนี้คนที่เข้ามาดูหน้า Fan Page ที่สนใจและอยากจะรู้เกี่ยวกับบริษัทหรือสินค้าและบริการของคุณมากขึ้นก็สามารถคลิกลิงก์ไปยังเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของบริษัทคุณได้เลยทันที นอกจากนี้ก็อย่าลืมใส่ Facebook Widget ที่จะช่วยให้คนที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณโดยตรงสามารถคลิกเข้าเยี่ยมและมาเป็นแฟนของบริษัทได้ในหน้า Fan Page ทำทั้ง 2 อย่าง เท่านี้ทั้งเว็บไซต์และ Fan Page ของคุณก็จะสามารถช่วยโปรโมตกันและกันได้แล้ว


3.  เพิ่มประสิทธิภาพในการทำ  SEO
การที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับบริษัทของคุณกระจายอยู่ในหลายๆเว็บไซต์นั้นจะยิ่งทำให้การค้นหาผ่าน search engine อย่าง Google นั้นเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้คนค้นเจอเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Social Search บริการใหม่จาก Google ยังช่วยให้ผู้ค้นหาสามารถอ่านความเห็นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณได้ทันทีจากหน้าแสดงผลการค้นหา การลิงก์ Fan Page เข้ากับเว็บไซต์หลักจึงเป็นวิธีที่เปี่ยมประสิทธิภาพในการช่วยต่อยอดจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้อีกทางหนึ่ง

4.  สร้างคอมมิวนิตี้ผู้บริโภคหรือหลุ่มลูกค้าได้ง่ายและไม่ต้องเสียเงิน
Fan Page ถือเป็นอีกทางเลือกในการทำให้กลุ่มลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นกับเว็บไซต์หลักของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้คุณยังสามารถโพสต์ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และอื่นๆลงในโปรไฟล์ Facebook เพื่อแชร์กับบรรดาแฟนๆของสินค้าหรือผลิตภันณฑ์ได้อีกด้วย ที่สำคัญคุณยังสามารถพูดคุยกับลูกค้า ถามคำถาม ความคิดเห็น ควาพึงพอใจ และอีกมากมาย ที่สามารถช่วยให้คุณพัฒนาหรือต่อยอดผลิตภัณฑ์ สินค้า และบริการ จากไอเดียที่ได้จากผู้บริโภค

5.  เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยตรง
ถ้าสมาชิกคนนั้นมาเป็นแฟนของ Fan Page คุณแล้ว คุณก็สามารถส่งข้อความถึงพวกเขาเหล่านั้นได้โดยตรง ซึ่งคุณเองสามารถเลือกได้ว่าจะส่งให้ใครบ้าง เช่น หากคุณทำกิจกรรมในจังหวัดหนึ่ง คุณก็สามารถเลือกให้ส่งข้อความชวนให้เฉพาะแฟนที่อยู่ในจังหวัดนั้นๆมาร่วมกิจกรรมชิงรางวัลกับสินค้าหรือบริการของคุณได้ และไม่่ใช่แค่พื้นที่เท่านั้น แต่อายุ หรือ เพศ ก็สามารถกำหนดได้เช่นกัน

6.  เสริมสร้างความสัมพนธ์กับลูกค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
การคุยกันหรือแสดงความเห็นเล็กๆน้อยๆนั้น สามารถทำให้ความสัมพันธ์กับลูกค้าแกร่งขึ้น เพราะเป็นการโต้ตอบกันโดยที่ลูกค้าไม่ได้รู้สึกว่าถูกบีบบังคับให้ซื้อสินค้า แต่เป็นการคุยกันแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งทำให้ทัศนคติของลูกค้าต่อแบรนด์นั้นๆดียิ่งขึ้น แม้ว่าจะไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นใน Facebook เลยก็ตาม แต่กว่า 90% ของผู้ใช้ Facebook นั้นมีความคาดหวังที่จะเห็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ตนเองใช้มีหน้า Fan Page

7.  สร้างพื้นที่ให้กับผู้ที่ภักดีต่อแบรนด์ได้บอกต่อ
แม้ผู้ใช้จำนวน 25% จะไม่ชอบการป่าวประกาศบอกคนอื่นๆว่าตนเองชอบหรือใช้ผลิตภัณฑ์ไหน แต่ผู้ใช้จำนวนที่เหลืออีกมากมายนั้นพร้อมที่จะแนะนำหรือแสดงความชื่นชมสินค้าหรือบริการที่ตนเองประทับใจ รวมถึงบอกต่อไปยังเพื่อนๆหรือคนรู้จักใน Facebook อีกด้วย
เคล็ดลับ: การโพสต์ข่าวสารข้อมูลในหน้า Fan Page หรือการที่แฟนๆมีการโต้ตอบกับคุณ ก็จะปรากฏบนหน้าอัพเดทของทั้งคุณและแฟนของสินค้าคนนั้นๆด้วย ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้มีคนมาเป็นแฟนหน้า Fan Page มากขึ้นนั่นเอง

8.  การรับฟังและการจับตาพฤติกรรมและช่วยพัฒนาธุรกิจของคุณ
ในสังคมออนไลน์แบบ Facebook นั้น ลูกค้าและผู้บริโภคมักจะไม่ค่อยตั้งป้อมต่อต้านหรือแสดงอคติต่อการเข้าไปทำการตลาดแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงมีแน้วโน้มมากขึ้นที่จะออกความเห็นเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ หรือประสบการณ์ทั้งที่ดีและไม่ดีต่อธุรกิจของคุณหรือของคู่แข่ง ซึ่งหากคุณให้ความสำคัญหรือใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้ และสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ คุณก็จะได้เปรียบคู่แข่งรายอื่นๆโดยปริยาย
เคล็ดลับ: Fan Page นั้นมาพร้อมส่วนที่เป็นหน้าถาม-ตอบ อยู่แล้ว คุณสามารถใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์โดยการสนับสนุนให้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ เช่น ส่วนที่อยากให้ปรับปรุงในสินค้า เป็นต้น

9.  มาพร้อมด้วยเครื่องมือวัดผลที่แม่นยำ
ถ้าอยากรู้ว่า Fan Page ที่ทำไปได้ผลอย่างไรบ้าง Facebook ก็มีบริการ Page Insights ที่เป็นเครื่องมือรายงานและวัดสถิติ เช่น มีคนเข้ามาคอมเมนท์ หรือ โพสต์ มากน้อยขนาดไหน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับแฟนๆของหน้า Fan Page ว่าอายุเท่าไหร่ เพศอะไร ภูมิลำเนาอยู่แถวไหน ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถทำการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องยิ่งขึ้น
เคล็ดลับ: อย่าลืมนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ในการสร้างสารที่เหมาะสม และส่งไปยังกลุ่มลูกค้าที่เป็น target group ของสินค้าหรือบริการ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายทางการตลาดที่ตั้งไว้

10.  ให้คุณได้ไล่ตามคู่แข่งได้ทัน
ถ้ายังคิดว่า Fan Page ไม่จำเป็นสำหรับธุรกิจของคุณอยู่ล่ะก็ ลองมามองด้านการแข่งขันดูบ้าง อย่าลืมว่าถ้าคู่แข่งของคุณทำ Fan Page ที่มีแฟนๆมากมายและทำกิจกรรมต่างๆกับกลุ่มลูกค้า จนมีความสัมพันธ์อันเหนียวแน่น และไม่เหลือที่ว่างให้กับธุรกิจของคุณ ทั้งๆที่คุณเองก็มีโอกาสเท่ากัน แบบนี้แล้วคุณจะมัวรออะไรอยู่อีก เริ่มทำตั้งแต่วันนี้เพื่อความได้เปรียบในสังคมออนไลน์อันดับ 1 ของโลกกันเลย









Online Marketing ผ่าน Youtube






จากคราวก่อนที่ได้กล่าวถึงการตลาดโดยใช้บล็อก(Blog) ไปแล้ว ในตอนนี้ก็จะกล่าวถึงเครื่องมือ social media อีกตัวหนึ่ง ซึ่งสามารถใช้ทำการประชาสัมพันธ์ได้อย่างดี นั่นก็คือการใช้สื่อวิดีโอคลิป หรือ วิดีโอประชาสัมพันธ์แบบปากต่อปาก (Viral Video)










การประชาสัมพันธ์ผ่านวิดีโอคลิปนี้นั้นเป็นการประชาสัมพันธ์ที่มีการลงทุนมากขึ้น เนื่องจากต้องมีค่าการผลิตคลิปวิดีโอ นักแสดงหรืออื่นๆ ซึ่งทำให้วิดีโอที่ออกมานั้นต่างจากโฆษณาโดยปกติ มีความน่าดึงดูด ไม่จงใจขายสินค้าหรือบริการมากจนเกินไป และทำให้เกิดการส่งต่อไปเรื่อยๆโดยคนดูเอง
การเกิดการประชาสัมพันธ์ออนไลน์ผ่านวิดีโอคลิปนี้ เริ่มมาจากการเกิดของ Youtube ในปี 2005 ด้วยแนวคิดของผู้ก่อตั้งคือ Chad Hurley และ Steve Chen ในการสร้างเว็บไซท์ที่เอาไว้แลกเปลี่ยนวีดีโอกัน จากที่เดิมเป็นเว็บไซท์แลกเปลี่ยนวิดีโอคลิป กลับกลายเป็นว่าผู้ใช้นำวิดีโอไปฝากไว้แทนแล้วลิงก์จากบล็อกของตัวเองมายัง Youtube ทำให้ Youtube นั้นเกิดการเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นผู้ใช้บริการบางคนของ Youtube เริ่มอัพโหลดรายการทางทีวีของสหรัฐอเมริกาบางรายการเข้าไปอยู่ใน Youtube และมีคนชมจำนวนมาก ก็เริ่มทำให้บริษัทหลายบริษัทเข้ามามาสนใจการทำโฆษณาออนไลน์ผ่านวิดีโอคลิปโดยเข้าไปใช้ Youtube เป็นเครื่องมือกัน
บริษัทแรกที่่ทำคือ Nike กับโฆษณาที่มี Ronaldinho ใส่รองเท้าของ Nike เล่นฟุตบอล ทำให้คลิปดังกล่าวเกิดการส่งต่อกันอย่างมากจนกลายเป็นคลิปยอดนิยมของ Youtube ในเวลานั้น จากคลิปดังกล่าวทำให้หลายบริษัทต้องลงมาประชาสัมพันธ์ผ่านคลิปวิดีโอใน Youtube กัน หลายบริษัทอย่างเช่น Levi’s ก็ประสบความสำเร็จในการโฆษณาผ่านวิดีโอคลิปในปี 2008 ด้วยคลิปที่มีชื่อว่า Backflip Into Jeans ซึ่งเป็นวิดีโอที่สร้างขึ้นเพื่อให้เกิดการโฆษณาแบบปากต่อปากไป หรือโฆษณาแบบวิดีโอคลิปของ Nike
อีกตัวอย่างเช่น Kobe Jumps Over Car ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการประสบความสำเร็จทางการโฆษณาด้วยวิดีโอคลิปอีกเจ้านั้นได้แก่ Blendtec บริษัทที่ทำเครื่องปั่นที่ใช้กันประจำในห้องครัวซึ่งในอดีตที่มียอดขายตกต่ำจนเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงมาทำการโฆษณาด้วยรายการทางวิดีโอคลิปที่มีชื่อว่า Will it blend? แล้วทำการโฆษณาผ่าน Youtube ซึ่งในวิดีโอคลิปจะนำเสนอ การนำเสนอที่โลดโผนของเครื่องปั่นคือการนำสิ่งของมาปั่นในเครื่องปั่นจนละเอียดเป็นผุยผง ทำให้บริษัท Blendtec นั้นสามารถมียอดขายที่เพิ่มขึ้นได้ถึง 5 เท่า

อย่างไรก็ตามก็ต้องจำไว้ว่าไม่ใช่ทุกๆ วิดีโอบน Youtube ที่จะได้รับการชม การส่งต่อ หรือการบอกเล่าแบบปากต่อปาก เนื่องจาก Youtube นั้นมีวิดีโออัพโหลดต่อวันจำนวนมาก ทำให้วิดีโอของสินค้าและบริการของเรานั้นอาจจะไม่ได้ถูกค้นพบ เพราะฉะนั้นการโพสวิดีโอบน Youtube นั้นจำเป็นต้องมีเครื่องมืออื่นๆ เพื่อทำให้เกิดการกระจายของคลิปเช่นการใช้ บล็อก Facebook หรือ Twitter และการให้คำอธิบายคลิปเพื่อสื่อถึงคลิปให้เข้าใจได้ด้วยไม่กี่ประโยค รวมถึงการทำ SEO หรือการใช้คีย์เวิร์ดของคลิปให้เหมาะสมเพื่อที่จะทำให้ค้นพบง่ายขึ้น

การสร้างวิดีโอนั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องลงทุนสูงเหมือนในโฆษณาตามสื่อทั่วไป ไม่จำเป็นต้องใช้กล้องแบบมืออาชีพ เพียงแต่เนื้อหาในคลิปนั้นต้องมีแรงดึงดูดและไม่เหมือนใคร ดังคลิปต่างๆที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น การสร้างเนื้อหาที่ดีของวิดีโอคลิปนั้นอาจจะทำให้เกิดการส่งแบบปากต่อปาก

เคล็ดลับที่ทำให้วีดีโอคลิปนั้นเป็นที่ยอมรับ
  • การทำวิดีโอคลิปให้สั้น โดยทั่วไปแล้ววิดีโอที่ประสบความสำเร็จสูงๆ นั้นมักมีความยาวประมาณ 15-30 วินาที ซึ่งหากเกินกว่านี้ควรจะตัดออกเป็นชุดๆ เพื่อให้เกิดการติดตามต่อมา วิดีโอคลิปนั้นต้องออกแบบมาให้ง่ายต่อการดัดแปลง ซึ่งเจ้าของสินค้าหรือบริการนั้นต้องยอมรับว่าจะมีการคัดลอกวิดีโอคลิปไปทำใหม่จากผู้อื่น ซึ่งยิ่งมีการดัดแปลงมากแสดงว่ามีการได้รับความนิยมมาก อย่างเช่นคลิปวิดีโอ David After Dentist นั้นมีมีคนชมกว่า 45 ล้านคนและมีการดัดแปลงจากผู้ชมคลิปเป็นรูปแบบต่างๆ กันไป
  • อย่าทำวิดีโอให้เป็นโฆษณาเหมือนโทรทัศน์ ซึ่งเรื่องนี้จะเหมือนการโฆษณาผ่าน Social Media ทั่วๆไป เพราะคนชมวิดีโอคลิปนั้นไม่ต้องการที่จะดูโฆษณา แต่ต้องการที่จะดูอะไรที่มีความตื่นตาตื่นใจและจะส่งต่อเรื่องนั้นหากมันดึงดูดความสนใจพอ อย่างเช่น Evian Roller Babies ที่มีคนดูกว่า 27 ล้านคน และหลายๆ สื่อโทรทัศน์ในไทยก็ได้พูดถึงคลิปชิ้นนี้ หรือ โฆษณาของ Dove ที่มีชื่อว่า Dove evolution ซึ่งมีคนชมกว่า 10 ล้านคน
  • สร้างกระแสด้วยการทำให้ช็อก โดยการทำให้คลิปนั้นหักมุม หรือมีเรื่องราวให้ไปคิดต่อเอาเองว่าเกิดอะไรขึ้นดังเช่นตัวอย่างคลิปโปรโมทภาพยนต์อย่าง District9 ที่ทำคลิปออกมาให้คิดต่อว่าภาพยนตร์จริงๆนั้นคืออะไร หนัาตัวอย่างวิดีโอก่อนการเล่นรวมถึงชื่อวิดีโอนั้น ควรจะสร้างให้มีแรงดึงดูดให้คนเข้ามาชมได้ จากเคล็บลับดังกล่าวก็สามารถทำให้วิดีโอคลิปของสินค้าและบริการนั้นถูกคนชมจำนวนมากได้ไม่ยาก
นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีเครื่องมือที่เอาไว้ติดตามว่าคลิปของสินค้าและบริการที่ออกไปนั้นได้ผลแค่ไหน ด้วยการใช้เว็บไซต์มีชื่อว่าTubemogul และ Vidmatrix ที่เอาไว้ติดตามจำนวนผู้ชม จำนวนผู้แสดงความเห็น และการจัดอันดับ โดยเว็บไซต์ดังกล่าวจะสามารถแสดงการวิเคราะห์ออกมาเป็นรูปแบบกราฟที่สวยงามได้ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจอันดับของวิดีโอคลิปนั้นได้จากเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า viralvideochart.unrulymedia.com ซึ่งจะทำให้เรารู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของการชมในแต่ละสัปดาห์ได้







8 เคล็ดลับในการใช้ Twiter สำหรับธุรกิจ



ทวิตเตอร์คือกระแสที่ร้อนแรงที่สุดในโลกออนไลน์ ซึ่งจากกระแสนี้เองที่ผู้ประกอบการสามารถสร้างโอกาสให้เข้ามาสู่เงื่อนไขเพื่อส่งเสริมการทำธุรกิจของตนเองได้
















เชื่อว่าคงไม่มีใครที่ได้อ่านบทความชิ้นนี้แล้วจะทัดทานหรือปฏิเสธอย่างแข็งขืนได้อีกต่อไปถึงกระแสอันทรงพลังของทวิตเตอร์ (Twitter) บนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างแน่นอน ทวิตเตอร์เป็นที่กล่าวขานถึงเป็นอย่างมากถึงอิทธิพลในการสื่อสารที่เชื่อมต่อระหว่างบุคคลถึงอีกบุคคล มันมีส่วนทำให้โลกแคบลงอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้คนสามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้ผ่านช่องทางนี้ ทวิตเตอร์จึงกลายมาเป็นเครื่องมืออันทรงคุณค่าสำหรับผู้ที่ใช้งานเป็นและบรรลุหลักการในการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะพวกดาราชาวเซเลบริตี้ทั้งหลายต่างทวีตกันไม่เว้นแต่ละวันส่งผ่านไปยังบรรดาสาวกที่ติดตามอยู่ เพื่อเป็นการแจ้งข้อมูลข่าวสารและงานแสดงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อให้ช่วยสนับสนุนและติดตามชมผลงานกันต่อไป ซึ่งสิ่งนี้เองเปรียบเสมือนเป็นโอกาสทองในการโหมกระแสของทวิตเตอร์ที่กำลังบูมมากในเมืองไทยสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับธุรกิจ โดยนำทวิตเตอร์มาใช้สร้างสรรค์ผลงานและกระจายข่าวสารไปยังบรรดาลูกค้าผู้รับข้อความผ่านช่องทางทวิตเตอร์ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางธุรกิจ โดยมีเคล็ดลับทั้ง 8 ขั้นตอนในการประยุกต์ใช้ทวิตเตอร์ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณดังต่อไปนี้


ขั้นที่  1  เลือก  username  ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจ
วิธีนี้เป็นขั้นตอนแรกที่จำเป็นจะต้องกระทำโดยนำชื่อของผู้ประกอบการไปบวกควบรวมกับชื่อของธุรกิจผู้ประกอบการให้ออกมาอยู่ในรูปแบบที่สามารถจดจำง่าย และสะท้อนความมีเอกลักษณ์เป็นตัวของตนเองที่สุด เช่น เว็บไซต์ INCquity ก็ใช้ username ในทวิตเตอร์ว่า @incquity เป็นต้น


ขั้นที่  2  สร้าง  background  สื่อถึงตัสตนในธุรกิจ
วิธีนี้จะเป็นในลักษณะรูปแบบเดียวกันกับในขั้นตอนแรกคือ หลังจากสมัครสมาชิกเลือก username ในขั้นตอนแรกแล้ว ให้ไปทำภาพพื้นหลังหรือ background ในหน้าทวิตเตอร์ของผู้ประกอบการให้ออกมามีลักษณะบ่งบอกความเป็นตัวตนของธุรกิจที่กำลังดำเนินอยู่ เช่น เป็นรูปของผู้ประกอบการที่ถ่ายไว้หน้าออฟฟิศสำนักงานของท่าน และหากเป็นผู้บริหารก็อาจจะเลือกแบบที่มีรูปของตนเองคู่กับโลโก้ของทางบริษัทจะเป็นวิธีการสื่อสารที่ชัดเจนที่สุด โดยนอกจากนี้การเลือกธีมและสีอันโดดเด่นที่มีความเหมาะสมก็เป็นวิธีช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับหน้าทวิตเตอร์ของผู้ประกอบการอีกทางหนึ่งด้วย


ขั้นที่  3  ใช้ทวิตเตอร์แต่ละครั้งให้เกิดประโยชน์และสร้างคุณค่า
การทวีตหรือที่เรียกว่าการส่งข้อความในแต่ละครั้งนั้นจะถูกจำกัดอยู่ที่ 140 ตัวอักษรเท่านั้น จงใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยขอแนะนำให้ทวีตเพื่อกระจายข่าวสารของทางบริษัท กิจกรรมแคมเปญหรือสินค้าตัวใหม่ๆ ให้ข้อมูลข่าวสารสถานการณ์ปัจจุบัน ราคาหุ้น ราคาน้ำมัน ตอบคำถามของลูกค้าผู้บริโภค หรือ retweet สิ่งที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ เป็นต้น ทั้งนี้การทวีตแต่ละครั้งต้องใช้ศิลปะเสียหน่อยที่จะทำให้ไม่เหมือนกับว่าผู้ประกอบการจงใจยัดเยียดข้อมูล หรือโฆษณามากไปจนดูรก


ขั้นที่  4  สร้างเครือข่ายติดต่อกับผู้อื่น
ทวิตเตอร์จะไม่มีประโยชน์ในทางธุรกิจเลยถ้าการติดต่อสื่อสารนั้นจำกัดอยู่เพียงในมุมแคบๆส่วนหนึ่งในระบบออนไลน์ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรวางการบริหารและสร้างเครือข่ายบนทวิตเตอร์ให้มากเข้าไว้ด้วยการตาม (Following) บุคคลที่มีเชื่อเสียง นักทวิตเตอร์ตัวยง หรือคนที่น่าสนใจ และในทางกลับกันก็ให้บุคคลเหล่านั้นติดตามกลับ (Followers) ผู้ประกอบการด้วยอีกทางหนึ่ง โดยใช้วิธีการหมั่นทวีตข้อความเพื่อสร้างเครือข่ายให้กว้างและครอบคลุมเข้าไว้หรือจะเป็นการตอบกลับในคำถามที่ถูกตั้งมาให้และการ retweet ก็เป็นวิธีการสร้างเครือข่ายที่ได้ผลเช่นกัน


ขั้นที่  5  ใช้ทวิตเตอรืเพื่อส่งเสริมธุรกิจ
นำทวิตเตอร์มาใช้ในการพูดคุยตอบคำถามและรับฟังความคิดเห็นทั้งจากด้านคู่ค้าทางธุรกิจและผู้บริโภค เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นช่องทางที่ดีมากในการแจ้งข้อมูลข่าวสาร แคมเปญ โปรโมชั่นสินค้าที่ใหม่ออกไปสู่ผู้ติดตามให้รับทราบ อันเป็นวิธีการช่วยสนับสนุนส่งเสริมธุรกิจอีกวิธีจากตัวของผู้ประกอบการโดยตรง


ขั้นที่  6  ใช้โปรแกรมหรือฟังก์ชันที่ช่วนรับรอวการใช้ทวิตเตอร์
ในหลายครั้งผู้ประกอบการก็ต้องเจอปัญหาในการใช้ทวิตเตอร์เหมือนกัน ทั้งในเรื่องปัญหาของเว็บไซต์ที่บ่อยครั้งมักจะเกิดอาการล้มเหลวไม่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้เพราะมีผู้ใช้จำนวนมากจนระบบล่ม หรือเป็นเพราะภารกิจส่วนตัวของผู้ประกอบการเองที่ทำให้ไม่อาจจะอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อทำการทวีตหรือตอบคำถามได้อยู่ตลอดเวลา การดาวน์โหลดโปรแกรมที่เป็นแอพพลิเคชั่นเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวจึงเป็นวิสัยที่ควรกระทำเพื่อความต่อเนื่องในการใช้ทวิตเตอร์ เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือที่สามารถตอบสนองรองรับการทวิตเตอร์นอกสถานที่ได้ หรือการดาวน์โหลดโปรแกรมอย่างเช่น TweetDeck ที่จะเป็นทางเลือกในการบรรเทาปัญหาการใช้งานของเว็บไซต์ให้หมดไป เช่น ปัญหาในการเชื่อมต่อ และสามารถตอบกลับข้อความได้โดยตรงในครั้งเดียวกัน เป็นต้น


ขั้นที่  7  ติดตามผล
ข้อดีอย่างหนึ่งของการใช้ทวิตเตอร์กับการดำเนินงานทางธุรกิจ คือ สามารถติดตามและทราบผลของกระแสตอบรับได้โดยทันที เป็นการสื่อสารสองทางที่ผู้ประกอบการต้องมั่นตรวจสอบในความคิดเห็นและการตอบกลับหลังจากที่ได้ทำการทวีตข้อมูลข่าวสารไปแล้ว เพื่อติดตามในข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่ผู้คนได้แสดงการตอบสนองหลังจากการทวิตเตอร์ของผู้ประกอบการ


ขั้นที่  8  หลีกเลีายงพฤติกรรมที่ไม่สร้างสรรค์และขาดมารยาท
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงได้แก่การไม่ตามใครเลยในทวิตเตอร์ พูดจาโฆษณาโอ้อวดที่เกินไปจากความเป็นจริงบนทวิตเตอร์ โต้เถียงกับผู้อื่น หรือพูดเกี่ยวกับตนเองจนมากเกินไปและสร้างความน่ารำคาญ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาดบนทวิตเตอร์เพราะจะสร้างผลเสียให้เป็นอย่างมากสำหรับธุรกิจของผู้ประกอบการ


สังคมออนไลน์หรือที่เรียกกันว่า Social Media เป็นสื่อแนวใหม่ที่มีแนวโน้มจะพัฒนากลายสภาพมาเป็นสื่อหลักในอนาคตอันไม่ช้าที่จะมีอิทธิพลต่อผู้รับสารเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าสามารถบังคับหรือสร้างการชี้นำในรูปแบบที่มิเคยมีสื่อชนิดไหนสามารถสร้างปรากฎการณ์ดังกล่าวให้เกิดขึ้นได้มาก่อน ดังนั้นจึงเป็นช่องทางที่ผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องศึกษาเพื่อเปลี่ยนมาเป็นเครื่องมือในการช่วยทำธุรกิจให้จงได้ เพราะการเป็นผู้นำในเทคโนโลยีย่อมถือความได้เปรียบในการชี้นำสังคมให้เข้าทางตนเองได้อยู่เสมอ โดยเฉพาะกับสื่อที่ไม่ต้องเสียเงินทำการตลาดและโฆษณาเลยแม้แต่สตางค์เดียวอย่างเช่น ทวิตเตอร์




http://incquity.com/articles/tech/twitter-tips-business